เราจะช่วยให้เจ้าของธุรกิจเข้าใจถึงต้นทุนการสั่งทำกล่องบรรจุภัณฑ์ พร้อมกับปัจจัยที่มีผลต่อต้นทุนและเทคนิคในการลดค่าใช้จ่ายในการผลิตกล่อง
หลายธุรกิจที่กำลังมองหาวิธีการสั่งทำกล่องบรรจุภัณฑ์เพื่อบรรจุสินค้า อาจพบว่าต้นทุนการผลิตกล่องมีความหลากหลายและขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปดูปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อต้นทุนการผลิตกล่อง และแนะนำเทคนิคในการลดต้นทุนให้เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ

สารบัญ
ปัจจัยที่ส่งผลต่อต้นทุน การผลิตกล่อง
การสั่งทำกล่องบรรจุภัณฑ์นั้นมีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลต่อ ต้นทุนการสั่งทำกล่อง ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะช่วยให้เจ้าของธุรกิจสามารถวางแผนและควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ต่อไปนี้คือปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อต้นทุนการผลิตกล่อง
1.วัสดุที่ใช้ในการผลิต
วัสดุที่เลือกใช้ในการสั่งทำกล่องบรรจุภัณฑ์มีผลโดยตรงต่อต้นทุน ตัวอย่างของวัสดุที่นิยมใช้ ได้แก่
- กระดาษลูกฟูก: เป็นวัสดุที่นิยมใช้สำหรับกล่องที่ต้องการความทนทาน มีราคาค่อนข้างสมเหตุสมผล แต่มีต้นทุนสูงขึ้นหากใช้ความหนามากขึ้น
- กระดาษอาร์ตการ์ด: มักใช้สำหรับสินค้าพรีเมียม หรือสินค้าแบรนด์หรู ราคาจะสูงกว่ากระดาษลูกฟูก
- กระดาษคราฟท์: วัสดุที่นิยมใช้ในกล่องบรรจุภัณฑ์ที่เน้นความเป็นธรรมชาติ มีราคาที่ค่อนข้างต่ำกว่ากระดาษอาร์ตการ์ด แต่มีความทนทานปานกลาง
- พลาสติกและวัสดุอื่นๆ : สำหรับกล่องบางประเภทที่ต้องการความทนทานและการป้องกันที่ดี เช่น กล่องที่ใช้บรรจุสินค้าที่มีน้ำหนักหรือสินค้าที่มีความเปราะบาง
2.ขนาดและรูปทรงของกล่อง
- กล่องขนาดเล็ก: ต้นทุนการผลิตจะต่ำกว่ากล่องขนาดใหญ่
- กล่องขนาดใหญ่หรือรูปทรงพิเศษ: ต้องใช้วัสดุมากขึ้น จึงทำให้ต้นทุนสูงขึ้น นอกจากนี้การสั่งทำกล่องที่มีรูปทรงที่ไม่เป็นมาตรฐานอาจต้องใช้เทคนิคพิเศษในการผลิต ซึ่งเพิ่มต้นทุนการผลิต
3.จำนวนการผลิต
- การผลิตในปริมาณมาก: ช่วยลดต้นทุนการผลิตต่อหน่วย เนื่องจากโรงงานสามารถผลิตได้ในปริมาณมากและใช้วัสดุได้อย่างคุ้มค่า
- การผลิตในปริมาณน้อย: ต้นทุนต่อหน่วยจะสูงขึ้น เพราะโรงงานไม่สามารถประหยัดในด้านการใช้วัสดุและค่าแรงได้เท่ากับการผลิตในจำนวนมาก
4.การพิมพ์และตกแต่ง
- การพิมพ์หลายสี: การพิมพ์หลายสีหรือการใช้เทคนิคพิเศษ เช่น การพิมพ์สีทอง หรือการเคลือบฟอยล์จะทำให้ต้นทุนสูงขึ้น
- การตกแต่งพิเศษ: เช่น การเคลือบ Spot UV, ฟอยล์ทอง หรือการทำให้กล่องมันวาว ซึ่งช่วยเพิ่มความหรูหราให้กับกล่องแต่ก็เพิ่มต้นทุนการผลิต
5.ค่าแรงและค่าใช้จ่ายโรงงาน
ค่าแรงในการผลิตและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับโรงงานก็มีผลต่อต้นทุนการผลิต
- ค่าแรง: ค่าแรงในการสั่งทำกล่องจะเพิ่มขึ้นหากต้องใช้แรงงานมากขึ้น เช่น การใช้แรงงานในขั้นตอนการพิมพ์ที่มีความละเอียดสูงหรือการทำงานที่ซับซ้อน
- ค่าใช้จ่ายโรงงาน: โรงงานที่มีอุปกรณ์และเครื่องจักรที่ทันสมัยอาจมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า แต่สามารถผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุณภาพที่ดีกว่า
6.ความซับซ้อนในการผลิต
หากการผลิตกล่องมีความซับซ้อนมาก เช่น กล่องที่ต้องการการพิมพ์หลายขั้นตอนหรือการใช้เทคนิคพิเศษต่างๆ จะทำให้ต้นทุนสูงขึ้น
7.การขนส่งและจัดการโลจิสติกส์
ต้นทุนการขนส่งและการจัดการโลจิสติกส์ยังเป็นปัจจัยที่มีผลต่อต้นทุนการผลิตกล่อง
- ค่าขนส่ง: หากสั่งสั่งทำกล่องจากโรงงานที่อยู่ห่างไกล การขนส่งจะมีค่าใช้จ่ายสูง
- การจัดการและบรรจุภัณฑ์: การจัดการสินค้าที่ดี เช่น การบรรจุหีบห่อที่เหมาะสม ก็มีผลต่อต้นทุน
การเลือกขนาดและวัสดุเพื่อลดต้นทุน
การเลือก ขนาดและวัสดุ ที่เหมาะสมในการสั่งทำกล่องบรรจุภัณฑ์เป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญในการลดต้นทุนการผลิต โดยการพิจารณาอย่างรอบคอบสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายโดยรวมได้ ดังนี้:
1.การเลือกขนาดกล่องให้เหมาะสมกับสินค้า
การเลือกขนาดกล่องที่พอดีกับสินค้าจะช่วยลดการใช้วัสดุที่ไม่จำเป็นและประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก
- ขนาดกล่องที่พอดีกับสินค้า: หากกล่องใหญ่เกินไปจะทำให้ต้องใช้วัสดุมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น การเลือกขนาดที่พอดีจะทำให้วัสดุไม่เหลือทิ้งและใช้ได้อย่างคุ้มค่าที่สุด
- หลีกเลี่ยงขนาดกล่องที่มีพื้นที่ว่างเกินไป: การใช้กล่องที่มีขนาดใหญ่กว่าสินค้าอาจทำให้ต้องใช้วัสดุในปริมาณที่มากขึ้น และอาจมีผลต่อต้นทุนการขนส่งด้วย
2.เลือกใช้วัสดุที่เหมาะสมกับการใช้งาน
วัสดุที่เลือกใช้จะมีผลต่อต้นทุนการสั่งทำกล่องอย่างมาก การเลือกวัสดุที่เหมาะสมกับประเภทสินค้าจะช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้
- กระดาษลูกฟูก (Corrugated Paper): เหมาะสำหรับสินค้าที่ต้องการความทนทานสูง เช่น สินค้าที่ต้องขนส่งหรือสินค้าที่เปราะบาง กระดาษลูกฟูกมักมีราคาปานกลางและทนทานดี แต่หากใช้ในปริมาณมากก็จะช่วยลดต้นทุนการผลิต
- กระดาษอาร์ตการ์ด (Art Card Paper): ใช้สำหรับสินค้าที่ต้องการความสวยงามและหรูหรา เช่น สินค้าพรีเมียม แต่ราคาของกระดาษอาร์ตการ์ดจะสูงกว่ากระดาษลูกฟูก ดังนั้น ควรเลือกใช้ในกรณีที่จำเป็นเท่านั้น
- กระดาษคราฟท์ (Kraft Paper): เหมาะสำหรับสินค้าเชิงพาณิชย์ทั่วไป โดยมีราคาที่ค่อนข้างถูกและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
- พลาสติก: เหมาะสำหรับสินค้าที่ต้องการการป้องกันเพิ่มเติมจากน้ำหรือความชื้น แต่ราคาของพลาสติกสูงกว่ากระดาษ
3.เลือกวัสดุที่มีคุณภาพในราคาย่อมเยา
การเลือกวัสดุที่มีคุณภาพดีแต่ราคาไม่สูงเกินไปเป็นอีกวิธีที่ช่วยลดต้นทุนได้ เช่น กระดาษลูกฟูกที่มีคุณภาพดีและราคาเหมาะสมสามารถนำมาใช้สำหรับกล่องที่ต้องการความทนทานและสามารถประหยัดต้นทุนได้
4.การเลือกวัสดุที่สามารถปรับแต่งได้ง่าย
บางวัสดุอาจต้องการขั้นตอนการผลิตที่ซับซ้อนหรือต้องการเครื่องมือพิเศษ ซึ่งอาจทำให้ต้นทุนสูงขึ้น การเลือกวัสดุที่สามารถตัดหรือพับได้ง่ายจะช่วยลดขั้นตอนการผลิตและทำให้ต้นทุนลดลง
ราคามาตรฐานโรงงานผลิตกล่องบรรจุภัณฑ์ในประเทศไทย ปี 2567
ราคากล่องกระดาษในประเทศไทยปี 2567 มีความแตกต่างขึ้นอยู่กับประเภทของวัสดุที่ใช้ในการผลิต ดังนี้
ราคา กล่องกระดาษ ในประเทศไทย
1.กล่องกระดาษอาร์ตการ์ด (Art Card Paper Boxes)
- ขนาด 12 x 12 x 12 ซม.
- จำนวน 1,000 ใบ: ราคา 8-10 บาทต่อใบ
- จำนวน 5,000 ใบ: ราคา 6-8 บาทต่อใบ
- จำนวน 10,000 ใบ: ราคา 5-7 บาทต่อใบ
2.กล่องกระดาษคราฟท์ (Kraft Paper Boxes)
- ขนาด 15 x 15 x 15 ซม.
- จำนวน 1,000 ใบ: ราคา 10-12 บาทต่อใบ
- จำนวน 5,000 ใบ: ราคา 8-10 บาทต่อใบ
- จำนวน 10,000 ใบ: ราคา 7-9 บาทต่อใบ
3.กล่องกระดาษลูกฟูก (Corrugated Paper Boxes)
- ขนาด 20 x 20 x 20 ซม.
- จำนวน 1,000 ใบ: ราคา 15-18 บาทต่อใบ
- จำนวน 5,000 ใบ: ราคา 12-15 บาทต่อใบ
- จำนวน 10,000 ใบ: ราคา 10-12 บาทต่อใบ
4.กล่องกระดาษแข็ง (Rigid Paper Boxes)
- ขนาด 25 x 25 x 25 ซม.
- จำนวน 1,000 ใบ: ราคา 40-50 บาทต่อใบ
- จำนวน 5,000 ใบ: ราคา 35-45 บาทต่อใบ
- จำนวน 10,000 ใบ: ราคา 30-40 บาทต่อใบ
หมายเหตุ:
- ราคาดังกล่าวเป็นราคาประมาณการและอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความต้องการที่เฉพาะเจาะจงของคุณ รวมถึงเงื่อนไขการสั่งซื้อและขนาดของกล่อง
- การสั่งซื้อในปริมาณมากมักจะช่วยให้ได้ราคาต่อหน่วยที่ต่ำลง
ควรติดต่อโรงพิมพ์หรือโรงงานผลิตกล่องโดยตรงเพื่อขอใบเสนอราคาที่ชัดเจนและตรงกับความต้องการของคุณ - การเลือกวัสดุและขนาดกล่องที่เหมาะสมจะช่วยให้ธุรกิจของคุณสามารถควบคุมต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการบรรจุสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อ้างอิงราคา: designboxprint , packingdesigns ,th.ipackagingbox scgp.listedcompany, comv-servelogistics, Lalita Packaging ,tcpindustry.com
ราคากล่องพลาสติก ในประเทศไทย
ราคากล่องพลาสติกในประเทศไทยมีความหลากหลายขึ้นอยู่กับขนาดและประเภทของกล่อง โดยมีข้อมูลราคาเฉพาะที่น่าสนใจดังนี้
1.กล่องอาหารพลาสติก
- กล่องพลาสติก 500 ml ราคาเริ่มต้นที่ 63 บาท/แพ็ก (25 ชิ้น)
- กล่องพลาสติก 750 ml ราคา 73 บาท/แพ็ก (25 ชิ้น)
- กล่องพลาสติก 1000 ml ราคา 73 บาท/แพ็ก (25 ชิ้น)
2.กล่องพลาสติกใส
กล่องพลาสติกใส 500g มีราคาอยู่ที่ 2,187 บาท/ลัง (400 ชิ้น)
3.กล่องข้าว
- ชุดกล่องข้าว 650 ml (1 ช่อง) สีขาว ราคา 855 บาท/ลัง (250 ชิ้น)
- ชุดกล่องข้าว 750 ml (2 ช่อง) ราคา 1,725 บาท/ลัง (500 ชิ้น)
4.กล่องสลัด
- กล่องสลัดกลมพลาสติกใส ราคา 80 บาท/100 ใบ
- ราคาที่กล่าวถึงนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามโปรโมชั่นและการสั่งซื้อขั้นต่ำของแต่ละผู้จำหน่าย ดังนั้นควรตรวจสอบข้อมูลจากแหล่งที่มาหรือเว็บไซต์ของผู้จัดจำหน่ายเพื่อให้ได้ราคาที่ถูกต้องและทันสมัยที่สุด.
อ้างอิงราคา: mywawa.me, yuenyong,aujee168
วิธีต่อรองราคา กับโรงงานผลิต
ต่อไปนี้คือวิธีการที่สามารถช่วยให้คุณต่อรองราคากับโรงงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1.ทำความเข้าใจเกี่ยวกับต้นทุนและรายละเอียดของการผลิต
ก่อนที่จะเริ่มต้นการต่อรองราคา คุณควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับต้นทุนที่โรงงานใช้ในการสั่งทำกล่อง เช่น วัสดุที่ใช้ ขนาดกล่อง จำนวนการพิมพ์ และเทคนิคพิเศษต่างๆ ที่อาจส่งผลต่อต้นทุนการผลิต การมีข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถต่อรองได้อย่างมีเหตุผลและมีประสิทธิภาพ
2.สั่งผลิตในปริมาณมากเพื่อขอลดราคา
หนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการลดต้นทุนคือการสั่งทำกล่องในปริมาณมาก โรงงานมักจะเสนอราคาที่ถูกลงเมื่อผลิตในปริมาณที่สูง เนื่องจากจะช่วยลดต้นทุนในกระบวนการผลิตและการขนส่ง ดังนั้น หากคุณมีแผนที่จะใช้กล่องบรรจุภัณฑ์ในระยะยาวหรือผลิตในปริมาณมาก การสั่งผลิตในจำนวนที่สูงขึ้นจะช่วยลดราคาต่อหน่วยได้
3.เปรียบเทียบราคาจากหลายโรงงาน
การขอใบเสนอราคาจากหลายโรงงานและเปรียบเทียบราคาจะช่วยให้คุณเห็นความแตกต่างของราคาและบริการจากแต่ละโรงงาน คุณสามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการต่อรองราคากับโรงงานที่คุณเลือก โดยการชี้ให้เห็นราคาจากโรงงานอื่น ๆ ที่เสนอราคาถูกกว่า
4.เจรจาเรื่องเงื่อนไขการชำระเงิน
เงื่อนไขการชำระเงินเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สามารถช่วยลดต้นทุนได้ โรงงานบางแห่งอาจมีการให้ส่วนลดหากคุณชำระเงินเต็มจำนวนในช่วงเวลาที่กำหนด หรือมีเงื่อนไขในการผ่อนชำระที่ยืดหยุ่น การเจรจาเรื่องเงื่อนไขการชำระเงินสามารถช่วยให้คุณประหยัดต้นทุนได้
5.ใช้การสั่งผลิตอย่างต่อเนื่อง
หากคุณวางแผนที่จะสั่งผลิตกล่องในระยะยาว โรงงานอาจยินดีเสนอราคาที่ดีกว่าในกรณีที่คุณมีการสั่งผลิตอย่างต่อเนื่อง โดยอาจมีการทำสัญญาระยะยาวหรือข้อตกลงในการซื้อในปริมาณมากในแต่ละปี การสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับโรงงานสามารถช่วยให้คุณได้รับราคาที่ดีกว่า
6.ขอส่วนลดสำหรับการสั่งซื้อล่วงหน้า
บางโรงงานอาจให้ส่วนลดหากคุณสามารถสั่งซื้อล่วงหน้าก่อนการผลิต เพื่อให้โรงงานสามารถวางแผนการผลิตได้ง่ายขึ้น คุณสามารถขอส่วนลดจากโรงงานในกรณีที่มีการสั่งซื้อล่วงหน้า ซึ่งจะช่วยให้คุณประหยัดต้นทุนได้
7.เจรจาเรื่องการขนส่ง
ค่าขนส่งมักจะเป็นส่วนหนึ่งของต้นทุนที่โรงงานกำหนด คุณสามารถเจรจาเกี่ยวกับค่าขนส่งโดยการเลือกโรงงานที่มีค่าขนส่งที่เหมาะสมหรือเจรจาให้โรงงานรับผิดชอบในส่วนนี้บางส่วน หากสั่งผลิตในปริมาณมาก การขนส่งในราคาที่คุ้มค่าอาจช่วยลดต้นทุนรวมได้
ต้องการ กล่องบรรจุภัณฑ์ ที่ทั้งสวยงามและแข็งแรง? Designboxprint คือคำตอบสำหรับคุณ! เรามีบริการผลิตกล่องบรรจุภัณฑ์ที่หลากหลาย พร้อมดีไซน์ที่ตรงใจและคุณภาพที่เหนือระดับ
ทำไมต้องเลือกเรา?
- ออกแบบตามสั่ง: รับออกแบบกล่องที่ตรงกับแบรนด์ของคุณ ไม่ว่าจะเป็น กล่องกระดาษลูกฟูก, กล่องพรีเมียม, หรือ กล่องพลาสติก
- คุณภาพเยี่ยม: ผลิตจากวัสดุเกรดคุณภาพ พร้อมเทคโนโลยีการพิมพ์ที่ทันสมัย
- ราคาคุ้มค่า: จัดโปรโมชั่นราคาพิเศษและคุ้มค่ากับทุกปริมาณการสั่งซื้อ
- บริการรวดเร็ว: ส่งงานไว ไม่ต้องรอนาน พร้อมจัดส่งถึงมือคุณทันที
สร้างความแตกต่างให้กับสินค้า ด้วย กล่องบรรจุภัณฑ์ ที่ดีไซน์เฉพาะตัวและคุณภาพเยี่ยม สั่งผลิตกับ Designboxprint วันนี้!
สรุป
การวางแผนต้นทุนในการสั่งทำกล่องบรรจุภัณฑ์เป็นสิ่งสำคัญที่เจ้าของธุรกิจควรให้ความสนใจ การเลือกวัสดุที่เหมาะสม, การปรับขนาดกล่องให้พอดีกับสินค้า และการต่อรองราคากับโรงงานผลิตสามารถช่วยให้ต้นทุนการผลิตต่ำลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเลือกโรงงานที่มีคุณภาพและคุ้มค่าก็เป็นสิ่งที่ช่วยให้ธุรกิจของคุณสามารถควบคุมต้นทุนได้ดี
อ่านบทความเพิ่มเติม: วิธีเลือก โรงงานผลิตกล่องบรรจุภัณฑ์ ให้คุ้มค่าที่สุด